พิธีบายศรีสู่ขวัญ ยังไม่มีผู้ใดยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าเป็นมาอย่างไร ผู้ที่ทำขวัญหรือที่เรียกว่าหมอขวัญ ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเริ่มมีการทำขวัญตั้งแต่เมื่อใด เพียงแต่สันนิษฐานว่าเห็นจะมีมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ โดยความเชื่อของคนไทยเชื่อกันว่าบรรดาคนทั้งหลายที่เกิดมาในโลกมีธรรมชาติอย่างหนึ่งเรียกกันว่า “ขวัญ” จะมีประจำกายของทุกคน มีหน้าที่ในการพิทักษ์รักษา ขวัญเป็นเหมือนพี่เลี้ยงที่คอยดูแลประคับประคองชีวิต ติดตามเจ้าของไปทุกหนทุกแห่ง
คำว่า "ขวัญ" เป็นนามธรรม ไม่มีรูปร่างหน้าตาปรากฏให้เห็น ไม่สามารถจับต้องหรือสัมผัสได้ แต่จะสังเกตได้ด้วยความรู้สึก ถ้าขวัญของผู้ใดอยู่กับตัวผู้นั้นจะมีความสุขกายสบายใจเป็นปรกติ แต่ถ้าขวัญของผู้ใดหลบลี้หนีหายผู้นั้นจะมีลักษณะอาการตรงกันข้าม พิธีบายศรีสู่ขวัญที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาถึงปัจจุบันนี้ คนไทยเชื่อว่าเป็นพิธีกรรมหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริมเพิ่มพลังใจให้เข้มแข็ง เมื่อมีขวัญที่มั่นคงพลังใจที่เข้มแข็งดีแล้ว ย่อมส่งผลให้การประกอบภาระกิจหน้าที่นั้น ๆ บรรลุผลสำเร็จได้ตามความมุ่งหมาย
คำว่า "บายศรี" แปลว่าข้าวที่เป็นมงคล เป็นสัญลักษณ์ของพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับชีวิต
บายศรี จะเย็บด้วยใบตอง ทำเป็น 3 ชั้น มีข้าว สิ่งของที่สำคัญอื่นๆ อีกประกอบด้วย ดอกบัว เทียนชัย น้ำมะพร้าวอ่อน แว่นเทียน 3 อัน เทียน 9 เล่ม ด้ายสายสิญจน์ บายศรี ในที่นี้ก็คือ สังคมที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันต้องยึดมั่นด้วยคุณธรรม 3 ประการ คือ บายศรี 3 ชั้น หมายถึง
- ประพฤติชอบด้วยกาย เรียกว่า กายสุจริต
- ประพฤติชอบด้วยวาจา เรียกว่า วจีสุจริต
- ประพฤติชอบด้วยใจ เรียกว่า มโนสุจริต
ดอกบัว หมายถึง บัว 4 เหล่า แต่ในที่นี้หมายถึงบัวประเภทที่ 4 ที่พ้นจากผิวน้ำจะชูก้านและดอกพร้อมที่จะขยายกลีบบานเมื่อพระอาทิตย์ส่องแสงในวันรุ่งขึ้น
เทียนชัย หมายถึง แสงสว่างทางปัญญา
น้ำมะพร้าวอ่อน หมายถึง น้ำใจบริสุทธิ์แว่นเทียน 3 อัน หมายถึง ภพทั้ง 3 ได้แก่ กายภพ รูปภพ และอรูปภพ
เทียน 9 เล่ม หมายถึง ไฟ 3 กอง คือ
- ไฟ คือ ราคะ
- ไฟ คือ โทสะ
- ไฟ คือ โมหะ
ด้ายสายสิญจน์ หมายถึง ห่วงแห่งความผูกพัน
สรุปว่า : ขวัญเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยมาแต่โบราณ ขวัญเป็นสิ่งที่มีอยู่กับคนที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น คนที่ตายไปแล้วจะไม่มีการกล่าวเรียกขวัญ การประกอบพิธีทำขวัญ ก็เพื่อให้เกิดความสุขสบาย เกิดสิริมงคลและสามารถอยู่ในสังคมปัจจุบันได้อย่างเป็นสุข
อ้างอิงจาก : http://www.thaifolk.com/doc/bysri.htm
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น